วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2562

家庭 ครอบครัว1


ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


วันนี้เรามารู้จักกับการเรียกบุคคลต่างๆในครอบครัวกันค่ะ ซึ่งครอบครัวชาวจีนส่วนมากจะเป็นครอบครัวใหญ่เพราะฉะนั้นชาวจีนจะมีการเรียกบุคคลต่างๆในครอบครัวที่ค่อนข้างเยอะ ไม่ใช่แค่เรียกพี่ ป้า น้า อา แบบของไทยนะคะ ภาษาจีนมีเยอะกว่านั้นมากๆค่ะ ไปติดตามกันเลย.....

ก่อนอื่นเรามารู้จักคำศัพท์ที่เกี่ยวกับครอบครัวกัน


家族 (jiāzú/เจียจู๋) วงศ์ตระกูล

家庭 (jiātíng/เจียถิง) ครอบครัว


亲戚 (qīnqī/ชินชิ) ญาติ


祖先 (zǔxiān/จู่เซียน) บรรพบุรุษ


家里人 (jiālǐrén/เจียหลี่เยริน) สมาชิกในครอบครัว


兄弟姐妹 (xiōngdìjiěmèi/ซงตี้เจี่ยเม่ย) พี่น้อง



ครอบครัวใกล้ชิด

爷爷 (yéye/เหยียเยีย) คุณปู่, อากง 

奶奶 (nǎinai/ไหน่ไน) คุณย่า ,อาม่า 

外公 (wàigōng/ไว่กง) คุณตา 


外婆 (wàipó/ไว่โผ) คุณยาย ,อาม่า 


爸爸 (bàba/ป้าปะ) 


妈妈 (māma/มามะ)


哥哥 (gēge/เกอเกอะ) พี่ชาย 

姐姐 (jiějie/เจี่ยเจีย) พี่สาว 


弟弟 (dìdi/ตี้ติ) น้องชาย


妹妹 (mèimei/เม่ยเมย) น้องสาว


儿子 (érzi/เอ๋อร์จึ) ลูกชาย

女儿 (nǚ’ér/นวี่เอ๋อร์) ลูกสาว


ญาติฝ่ายพ่อ

姑姑 (gū gu/กูกุ) ป้า, น้า (พี่สาวหรือน้องสาวของพ่อ)

伯伯 (bóbo/โป๋โป) คุณลุง,ลุง, อาแปะ (พี่ชายพ่อ) 

伯母 (bómǔ/โป๋หมู่) ป้าสะใภ้ 

姑姑(gūgu/กูกุ) อาหญิง, ป้า

姑丈 (gūzhàng/กูจั้ง) ลุงเขย, อาเขย 

叔 (shūshu/ซูซุ) อาชาย(น้องชายพ่อ),อาเจก

婶婶(shěnshen /เซิ่นเซิน) อาสะใภ้ 

ญาติฝ่ายแม่

舅舅(jiùjiu/จิ้วจิว) น้าชาย(พี่ชายและน้องชายแม่) 

舅妈(jiùmā/จิ้วมา) น้าสะใภ้, ป้าสะใภ้ 


姨母 (yímǔ/อี๋หมู่) น้าหญิง, ป้า 


姨父(yífù/อี๋ฟู่) ลุงเขย, น้าเขย 











วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2562

ตรุษจีน 春节

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


เทศกาลตรุษจีน หรือปีใหม่ตามปฏิทินจีน นับเป็นงานเฉลิมฉลองที่สำคัญที่สุดของชาวจีน แน่นอนว่าสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของฤดูกาลนี้ ครอบครัวชาวจีนจะมอบซองแดงหรืออั่งเปาให้เด็กๆ หรือญาติพี่น้องที่อายุน้อยกว่า นอกจากนี้ ผู้คนจะนิยมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่สวยงามเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ตามปฏิทินจีนหัวใจของการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนก็คือ การอยู่พร้อมหน้ากันของครอบครัวและญาติพี่น้องเพื่อมาสังสรรค์และรับประทานอาหารร่วมกันเป็นประจำทุกปี

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
 ที่มาของ วันตรุษจีน

ที่มาของ วันตรุษจีน เกิดจากการจัดขึ้น เพื่อตั้งใจที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อน เทศกาล ตรุษจีน นั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะสามารถเพาะปลูกพืนผักได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า "วันตรุษจีน"

วันตรุษจีน 2562 ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน

   อาหารวันตรุษจีน


ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

   เสื้อผ้าวันตรุษจีน


การใส่เสื้อผ้าสีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคล เป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 红包
อั่งเปา
สัญลักษณ์ที่ทุกคนทราบดีในวันตรุษจีนคือ อั่งเปาสีแดง โดยมีธรรมเนียมคือ ผู้ใหญ่ที่ผ่านการแต่งงานมาและทำงานมีรายได้แล้ว จะมอบซองสีแดง(ที่มีเงินจำนวนหนึ่งข้างใน) ให้กับเด็กๆที่มีอายุต่ำกว่า หรือยังไม่ได้ทำงาน พร้อมกล่าวสวัสดีปีใหม่ ซึ่งสีแดงของอั่งเปานั้นมีความหมายถึงโชคดี และเงินที่ใส่ในซองอั่งเปานั้น มักจะมีจำนวนเป็นเลขนำโชคของจีนนั่นคือเลข 8


  15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน


วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน
วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด
วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน
วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย
วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข
วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ
วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์
วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้
วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย
วันที่สิบสาม ถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย
วันที่สิบสี่ ควรเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน



อ้างอิง
https://www.visitsingapore.com/th_th/festivals-events-singapore/cultural-festivals/chinese-new-year/
https://www.cigna.co.th/health-wellness/travel/chinese-new-year-history
https://www.youtube.com/watch?v=Ac9mAvDKHM0




กำแพงเมืองจีน



กำแพงเมืองจีน  "The Great Wall of China" 

       กำแพงเมืองจีน หรือ กำแพงหมื่นลี้ เป็นสิ่งก่อสร้างสุดแสนมหัศจรรย์ที่สร้างด้วยมือมนุษย์ มีความยาวรวมกันทั้งหมดมากถึง 21,196.18 กิโลเมตร(**รายงานการอัปเดตครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2555 สำนักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีนมานานกว่า 2,500 ปี ซึ่งแต่เดิมกำแพงเมืองจีนคือสิ่งก่อสร้างที่แต่ละรัฐสร้างขึ้นเพื่อป้องกันศัตรูซึ่งยังมีความยาวที่ไม่มากนัก ต่อมาจิ๋นซีฮ่องเต้ได้รวมแต่ละรัฐเข้าด้วยกันและมีคำสั่งให้ทุบและต่อเติมกำแพงจนมีความยาวนับหมื่นโล จึงเป็นที่มาของคำว่า "กำแพงหมื่นลี้"  แต่กำแพงก็ไม่ได้สร้างเสร็จในยุคเดียวนะ ยังคงมีการต่อเติมเรื่อยๆในสมัยฮ่องเต้หลายพระองค์ ซึ่งปัจจุบันกำแพงเมืองจีนเปิดให้เที่ยวชมได้เพียงไม่กี่ด่านเท่านั้น เพราะบางด่านก็อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร บางด่านก็ยังไม่ได้รับการบูรณะ บางด่านก็สึกกร่อนไปตามกาลเวลา 

ด่านซานไห่กวน 山海关

      

                 ด่านซานไห่กวาน ตั้งอยู่ที่เมืองฉินหวงเต่า มณฑลเหอเป่ย โดยด่านซานไห่กวนเป็นกำแพงเมืองจีนแห่งเดียวที่เชื่อมต่อลงไปถึงท้องทะเล ซึ่งบริเวณที่อยู่ในทะเลนั้นได้รับการขนานนามว่า เหล่าหลงโถว(เศียรมังกรเฒ่า) และได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนทางฝั่งตะวันออก (The First Pass Under The Heaven)

ด่านปาต๋าหลิง 八达岭


                หากพูดถึงกำแพงเมืองจีนด่านสุดฮิตคงหนีไม่พ้นด่านปาต๋าหลิ่ง เพราะกำแพงนั้นตั้งอยู่บนภูเขาทำให้ดูเป็นระลอกคลื่นสวยงาม นอกจากนั้น ด่านนี้ยังมีความทันสมัย มีทั้งกระเช้า รถราง ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายคอยรองรับนักท่องเที่ยว แถมยังสามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ เพราะอยู่ชานเมืองกรุงปักกิ่ง ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ด่านปาต๋าหลิ่งจึงเป็นด่านที่นักท่องเที่ยวมากมายเลือกเป็นจุดหมายในการไปเยี่ยมชมกำแพงเมืองจีน


ด่านมู่เถียวยวี่ 慕田峪

                 กำแพงเมืองจีนด่านมู่เถียนยวี่เป็นด่านที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าได้รับการบูรณะได้สมบูรณ์มากที่สุดในบรรดาด่านทั้งหมดของกำแพงเมืองจีน ด่านนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะมากเท่าด่านปาต๋าหลิ่งเพราะอยู่ห่างจากปักกิ่งไปประมาณ 50 กิโลเมตร แต่ก็สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย นอกจากจะมาชมกำแพง ป้อมปราการ และวิวทิวทัศน์อันสวยงามแล้ว กิจกรรมห้ามพลาดก็คือการสไลด์จากด้านบนกำแพงเมืองจีนกลับมาข้างล่างนั่นเอง สไลด์นี้ปลอดภัยหายห่วงแน่นอน แม้แต่มิเชลล์ โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา และมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO ของ Facebook ก็เคยมาลองกันแล้วทั้งนั้น



          ด่านเจียอวี้กวน 嘉峪关





                 ด่านเจียอวี้กวน ตั้งอยู่ที่เมืองเจียอวี้กวน มณฑลกานซู่  โดยด่านเจียอวี้กวนถือว่าเป็นจุดปลายสุดหรือจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนทางด้านทิศตะวันตก ได้รับการขนานนามว่าเป็นหางมังกร เอกลักษณ์ของกำแพงเมืองจีนช่วงเจียยวี่กวนนี้ จะแตกต่างจากกำแพงเมืองจีนในแถบปักกิ่งที่มักสร้างด้วยอิฐและหินสีเทาที่แข็งแกร่ง เพราะกำแพงช่วงนี้จะสร้างด้วยอิฐที่ทำจากดินละเอียดสีเหลืองนวล วัสดุหลักที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นแถบนี้ซึ่งเอื้อต่อการก่อสร้างที่สุดนั่นเอง แต่ถึงจะเป็นกำแพงดินก็ยังมีความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน แถมมีสีกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมโดยรอบซึ่งเป็นทะเลทรายช่วยพรางตาได้ดีเยี่ยมในขณะเดียวกันด้วย ด้วยความที่สร้างอยู่บนพื้นที่ราบไปจนถึงเนินเขาแห้งแล้ง กำแพงในส่วนนี้จึงสร้างไม่สูงนัก ต่างจากกำแพงในแถบปักกิ่งหรือกำแพงที่ทอดตัวยาวตามแนวเขาที่สูงตระหง่านและมั่นคง

             



อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=EotbKqZmBuY
https://travelblog.expedia.co.th/asia/bd09_may18/
http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=102


HUAWEI P30 PRO ที่สุดแห่งกล้องสมาร์ทโฟน





HUAWEI P30 Pro กำลังสร้างจุดสูงสุดใหม่ของการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน ซูมเพื่อสำรวจความลึกลับของท้องฟ้ายามค่ำคืน ดูนกอินทรีบินวนอยู่เหนือต้นไม้ หรือสำรวจรายละเอียดที่ประณีตของคริสตัล เก็บภาพสิ่งที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น และสร้างสรรค์จินตนาการของคุณเพื่ออนาคต



เปิดตัวอย่างเป็นทางการสมาร์ทโฟน P-Series รุ่นใหม่ค่าย Huawei อย่างรุ่น Huawei P30 และ P30 Pro ซึ่งได้มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ที่ Palais des Congres กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส


P30 Series มากับบอดี้ที่เป็นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบเป็นโลหะโดยที่ฝาหลังมีการเคลือบผิวไล่ระดับสี 9 ชั้น ซึ่งสีที่เปิดตัวมาประกอบด้วย Amber Sunrise, Pearl White, Black, Aurora และ Blue Crystal ในรุ่น P30 Pro รองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ส่วนรุ่นปกติจะเป็น IP53


ตัวหน้าจอของรุ่น P30 Pro เป็น OLED ขอบโค้งขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ โดยที่มีเทคโนโลยี Acoustic Display หรือใช้การสั่นของหน้าจอให้เกิดเสียงแทนการใช้ลำโพงสนทนา ขณะที่ P30 เป็นจอแบน OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และทั้งสองรุ่นรองรับสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ



ชิปเซต Huawei P30 Series ใช้ Kirin 980 สเปคความจำในรุ่นพื้นฐานมี RAM 6GB ความจุตัวเครื่อง 128GB ขณะที่รุ่น Pro ให้ RAM 8GB มีความจำ 128 / 256 / 512GB ส่วนแบตเตอรี่พื้นฐาน 3650mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 22.5W ขณะที่ตัวท็อปให้แบตฯ 4200mAh รองรับชาร์จไว 40W พร้อมทั้งรองรับการชาร์จไร้สายความเร็วสูงสุด 15W และเทคโนโลยี Reverse Wireless Charging เหมือนกับ Huawei Mate 20 Pro ส่วนตัวระบบปฏิบัติการทั้งคู่ใช้ Android Pie 9.0 คลุมด้วย EMUI 9.1


จุดที่เป็นไฮไลท์ของซีรีส์นี้คือการถ่ายภาพในตัว Huawei P30 Pro มากับกล้อง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้อง Wide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (F/1.6 OIS) + กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (F/2.2) + กล้อง Telephoto ซูม 5 เท่า ความละเอียด 8 ล้าน ( F/3.4 OIS) + กล้อง ToF โดยที่รุ่นนี้มีความสามารถด้าน Hybrid Zoom แบบ Periscope มีความสามารถในการซูมแบบ Optical X3, Hybrid x10 และ Digital x50 แถมยังถ่ายมาโครได้ในระยะ 2.5 เซ็นติเมตร


ขณะที่ Huawei P30 เป็นกล้อง 3 ตัวประกอบด้วย กล้อง Wide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (F/1.8 OIS) + กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F/2.2) + กล้อง Telephoto ซูม 3 เท่า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4) มีความสามารถในการซูม Optical X3, Hybrid x5 และ Digital x10


ทั้งคู่เป็นรุ่นแรกของโลกที่ใช้ใช้เซ็นเซอร์กล้องหลังตัวหลักแบบ RYYB (เหลืองเหลืองแดงน้ำเงิน) ทำให้รับแสงได้มากกว่าขึ้น 40% พร้อมทั้งให้ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่สุดในตลาดที่ 1.17 นิ้ว เสริมความสามารถในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยโดยที่รุ่น Pro สามารถดัน ISO ได้ถึง 409,600 ขณะที่รุ่นปกติจะอยู่ที่ 204,800 มาพร้อมกับระบบกันสั่น AIS และฟีเจอร์ AI HDR+ สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 32 MP (F/2.0) รองรับระบบ AI HDR+



ส่วนการถ่ายภาพวีดีโอก็มีการพัฒนาความสามารถในการถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น แถมยังนิ่งขึ้นด้วยระบบ Dual OIS+AIS แถมมีลูกเล่น Dual-View หรือการบันทึกวีดีโอด้วยกล้องสองระยะพร้อมกัน


ปัจจุบัน Huawei P30 ได้มีการเปิดพรีออเดอร์ในต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยสนนราคารุ่น RAM 6/128GB ที่ 800 ยูโร หรือราว 28,500 บาท เช่นเดียวกันกับ P30 Pro ที่เปิดพรีออเดอร์แล้วเช่นกัน ในรุ่น 8/128GB เคาะที่ 1,000 ยูโร หรือราว 35,600 บาท รุ่น 256GB ราคา 1,100 ยูโร หรือราว 39,000 บาท และ 512GB ที่ 1,250 ยูโร หรือราว 44,600 บาท




อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=NfxwablloIw
https://www.mxphone.com/huawei-p30-and-p30-pro-global-launch/